บทความนี้ ขอว่าด้วยเรื่องเบาๆ ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันด้วยดีกว่า เผื่อว่าผู้อ่านคนไหนกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก จะได้รับรู้ข้อมูลต่างๆ ไว้เป็นแนวทาง หรือหากผู้อ่านคนไหนยังไม่มีโอกาสไป ก็จะได้รู้รอบตัวมากขึ้นว่าที่อื่นๆ เค้าแตกต่างกับบ้านเราอย่างไรบ้าง
เริ่มว่ากันด้วยเรื่องของการใช้จ่ายเลยดีกว่า บ้านเรานั้น ถ้าเดินไปตามท้องถนน ท้องตลาด ผู้คนส่วนมากจะชอบพกเงินสด หรือ cash อย่างเช่นเวลาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า บางที่ก็ต้องมีขั้นต่ำที่จะสามารถใช้บัตรเครดิต (Credit card) ได้ แต่สำหรับที่สหรัฐอเมริกาหรือยุโรปแล้ว ผู้คนส่วนมากจะไม่นิยมพกเงินสดกัน แต่จะใช้เดบิตการ์ด (Debit card) และเครดิตการ์ด (Credit card) กันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะจ่ายเยอะจ่ายน้อยก็จะใช้แต่การ์ดกัน (การพกเงินสดเพื่อจ่ายค่าสินค้าจัดเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกสำหรับฝรั่งค่ะ)
ส่วนข้อแตกต่างระหว่างการ์ดทั้งสองนี้ คือ Debit card จะตัดเงินทันทีเลยเวลาบัตรถูกรูด (คล้ายๆ กับบัตรของเซเว่นฯบ้านเรา) แต่เครดิตการ์ดจะให้เครดิตอีกประมาณ 30-45 วันแล้วแต่บริษัทฯ เจ้าของการ์ดนั้นๆ ซึ่งเวลาใช้บัตรเหล่านี้จ่ายเงินซื้อของตามร้านค้าต่างๆ นั้น ส่วนมาก cashier หรือพนักงานเก็บเงิน มักจะหันมาถามเรากลับว่า “Do you want cash back? How much?” ลองเดาสิคะว่า หมายถึงอะไร?
ตอนแรก เราก็แอบดีใจว่า… “เฮ้ย…สงสัยมีส่วนลด แล้วจะให้เงินสดคืนเราฟรีๆ เหรอ (ดีจริงๆ ประเทศนี้) ก็เลยตอบไปว่า “Yes 20 dollars, please” ก็ได้มา 20 เหรียญ และแล้วก็มารู้ความจริงเมื่อ Bank Statement มาถึงบ้านตอนสิ้นเดือนว่า “อ้าว…แท้จริงแล้ว ก็คือการกดเงินสดจากตู้ ATM นี่เอง แถมยังโดนชาร์จค่ากด ATM จากเครื่อง cashier นั้น (เสียค่าธรรมเนียม) ไปฟรีๆ อีกต่างหาก (ทั้งๆ ที่หอพักกับธนาคารอยู่ใกล้กันนิดเดียวเองง่ะ)”
หมายเหตุ: ถ้ากดจากตู้ ATM ของธนาคารเจ้าของบัตร ก็จะไม่เสียค่าธรรมเนียมค่ะ … แต่ก็เอาเถอะถือว่าเสียค่าประสบการณ์นิดหน่อยน่ะ อย่างน้อยก็ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นที่สามารถจะเอามา share ได้ในบทความนี้เนอะ
ไหนๆ ก็พูดเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว ขออีกเรื่องนึงสั้นๆ แล้วกันนะคะ ว่า .. เหรียญสตางค์ หรือเซนต์ (cent) ที่ใช้กันในประเทศอเมริกานั้นมีอยู่ 4 ชนิด แต่ละชนิดก็มีชื่อเรียกต่างๆ กัน ดังนี้
1 quarter (ควอเตอร์) = 25 cents,
1 dime (ไดม์) = 10 cents,
1 nickel (นิกเกิ้ล)= 5 cents,
1 penny (เพนนี) = 1 cent
นอกจากนี้แล้ว คนอเมริกันเค้ามักจะเรียกดอลล่าร์ (dollar) ว่า “Buck” (อ่านว่า “บั๊ค”) เช่น 10 Bucks เท่ากับ 10 Dollars หรือ USD 10 นั่งเองค่ะ …
#cash back