Confusing pairs! คำคู่ดูสับสน!

2751

สวัสดีค่ะ มาพบกันอีกแล้วนะคะ สำหรับบทความนี้ขอนำเสนอคำในภาษาอังกฤษเป็นคู่ๆ ที่พวกเราชอบใช้กันผิดๆ หรือบางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ว่า จริงๆแล้วมันต่างกันนะ!!

เอาแบบเบาะๆ ขอเริ่มต้นด้วยคำว่า “break” และ “brake” เป็นยังงัยคะ เห็นเพียงแค่นี้ ก็คิ้วผูกโบว์รอบสามซะแล้ว เอ้า…ไปดูกันเลยว่า มันต่างกันอย่างไร…

เจ้า break ตัวแรกนั้น อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเรามากกว่า เพราะมันเป็น V ซึ่งมีความหมายว่า “แตก, หัก, หรือหยุด (เพื่อแวะพัก)” เป็นต้น (จริงๆ มีความหมายมากมายกว่านี้ แต่ที่ยกตัวอย่างมาก็เอาเฉพาะหลักๆ ที่เห็นและใช้กันบ่อยๆ…
ถ้าอยากทราบความหมายเพิ่มเติมก็ลองค้นหาใน Dictionary ทั่วๆ ไปได้นะคะ) หรือบางทีเราอาจเห็นมันในสำนวน หรือ two-word verb ต่างๆ เช่น

  • take a break ซึ่งหมายถึง การหยุดกิจกรรมหนึ่งๆ หรือพักเป็นเวลาสั้นๆ
  • break away ซึ่งหมายถึง การแยกตัวออกจากไป (จากกลุ่ม)
  • break through ซึ่งหมายถึง ความก้าวหน้าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรวดเร็วฉับพลัน
    มากๆ เช่น เทคโนโลยีต่างๆ (Technology) เป็นต้น

ส่วนเจ้า “brake” ตัวหลังนั้น เป็นได้ทั้ง N และ V ซึ่งหากเป็น N นั้นจะหมายถึง “เจ้าอุปกรณ์ที่ใช้ในการหยุด” เช่น เบรกของรถ เป็นต้น…แต่หากใช้เป็น V ก็จะมีความหมายถึง ”การใช้อุปกรณ์ข้างต้นเพื่อหยุดการเคลื่อนที่หรือการเคลื่อนไหวที่กำลังดำเนินอยู่” เช่น หยุดรถโดยการเหยียบเบรก เป็นต้น

สรุปอีกครั้ง หากเราต้องการหยุดพักงานทั่วๆ ไป อย่างเช่น ในกรณีที่เราพัก 10-15 นาที ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่องนั้นเราจะใช้คำว่า “break” หรือ “take a break” แต่ถ้าเราจะหยุดรถแล้วล่ะก็ต้อง “brake” เท่านั้นนะคะ…(เผอิญว่าข้อสอบชอบถามซะด้วยสิ)

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

ส่วนมวยคู่ที่สองนั้น คงจะไม่สามารถหนีไปพูดถึงคู่ไหนๆ อีกได้ ถ้าไม่กล่าวถึงเจ้า uninterested และ disinterested คู่นี้ซะก่อน…เป็นที่ทราบกันดีใช่ไหมคะว่า “interested” นั้นมีความหมายว่า “รู้สึกสนใจ” แล้วพวกเราทราบอีกไหมว่า เอ…แล้วเจ้าตัวไหนน้า ที่มีความหมายตรงข้ามกับมัน ซึ่งก็คือ “รู้สึกไม่สนใจ” นั่นเอง

ติ๊ก…ต่อก…ติ๊ก…ต่อก…ติ๊ก…ต่อก…ติ๊ก…ต่อก…

คำตอบ คือ เจ้า “uninterested” ยังงัยล่ะคะที่มีความหมายว่า ”รู้สึกไม่สนใจ” (ซึ่งเป็นคำตรงข้ามกับ interested) แต่ส่วนเจ้า “disinterested” นี้จริงๆ แล้ว มันมีความหมายว่า “เป็นกลาง ไม่ลำเอียง” ต่างหาก

ส่วนมวยคู่สุดท้ายในที่นี้ ก็ขอยกให้แก่ lend และ borrow (สองคำนี้ดูเหมือนจะง่ายๆ แต่ใช้กันสับสนเหลือเกิน)…ฮั่นแน่! หลายๆ คนคงกำลังคิดว่า…ไอ้หยา!! ยกมาแต่ละตัว น่างงงวยทั้งนั้น…ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะทั้งสามคู่นี้ เป็นเหล่าสหายที่พวกเราชอบใช้กันผิดๆ อยู่ตลอด และผู้ออกข้อสอบก็ชอบนักที่จะหยิบยกมาแกล้งกันให้พวกเราๆ ท่านๆ หัวปั่นเล่น…โดยที่ “lend” ตัวแรกเป็น V มีความหมายว่า “ให้ยืม” ส่วน “borrow” ตัวหลังนั้นเป็น V เช่นกันและหมายถึง “ขอยืม” นั่นเอง…ดังนั้น ถ้าหากเราพูดว่า I lend you some money. ก็จะเท่ากับว่า You borrow me some money. จริงไหมคะ…

กล่าวโดยสรุปแล้ว คนที่เป็นเจ้าหนี้ (มีเงินให้ยืม) ในที่นี้คือ “ I ” และส่วนคนที่เป็นลูกหนี้ (ยืมตังค์เค้า) ในที่นี้ก็คือ “ You ” (แบบนี้นี่เองงงงง)…อ้อ อีกอย่างนึง สำหรับลูกหนี้แล้ว เราอาจใช้คำว่า “owe” ซึ่งเป็น V ที่มีความหมายว่า “เป็นหนี้ หรือติดหนี้” แทนก็ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงสามารถเขียนได้อีกแบบว่า… “You owe me some money.” ค่ะ

เอาเป็นว่า กรณีหลังสุดนี้ขอยกให้เป็นแฝดสามดีไหมคะ…จริงๆ แล้ว อยากแนะนำอีกนิดว่า…เวลาพวกเราจดจำอะไร และอยากให้มันอยู่กับเรานานๆ น่ะ พยายามจำให้เป็นคู่เหมือน  หรือคู่ต่าง หรือแม้กระทั่งสามารถผูกให้เป็นเรื่องราวได้ก็จะดี จะช่วยได้เยอะ ลองดูนะคะมันช่วยได้มากจริงๆ ค่ะ

Ecstatic kids raising hands while standing by blackboard

#คำศัพท์ที่สับสน
#ศัพท์ภาษาอังกฤษ