บทความนี้ ได้มาจากประสบการณ์จากสมัยเรียนอยู่ในอเมริกามาเล่าให้ฟังกันต่อค่ะ
เรื่องแรกขอเอาใจคอ Shopping แล้วกันนะคะ…ทราบไหมคะว่า ในบางประเทศอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา เนี่ยเวลาเรา go shopping แล้วซื้อสินค้าอะไรมา พอกลับบ้าน มานั่งนึกๆ ดูแล้วปรากฏว่า .. “ว้า…ไม่อยากได้แล้ว” หรือ “ว้า…ไม่น่าซื้อมาเลย” เนี่ย เราสามารถนำไป return หรือ refund (หมายถึง “คืน”) ได้ภายในกำหนดวันที่นโยบายแต่ละร้านเค้าระบุ ซึ่งถ้าเป็นร้านใน Boston ส่วนใหญ่ก็ภายใน 7 วันค่ะ แหม…ทำตาโตกันใหญ่ (ไม่เชื่อกันล่ะสิ) แต่ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่า มันเคยมี case ที่เด็กอเมริกันหัวใสจะไปงาน prom (หรืองานปาร์ตี้อำลาก่อนจบการศึกษาระดับมัธยมค่ะ) ก็เลยไปซื้อมาใส่ไปงานคืนเดียวแล้วเอาไปคืน ดังนั้นนโยบายนี้ จึงมีข้อยกเว้นสำหรับชุดที่จะใส่ไปงาน และสินค้าจำพวกของสด เช่นผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ค่ะ (เข้าใจคิดจริงๆ เนอะ)
และเมื่อพูดถึงเรื่อง shopping คราวนี้ก็คงหนีไม่พ้นการเลือกซื้อของกินของใช้ของเรา…ในต่างประเทศนั้นจะมีผัก ผลไม้ชนิดเดียวกันอยู่ 2 ประเภทโดยที่แบบนึงมักจะมีป้ายติดเอาไว้ว่า “Organic” และทั้งๆ ที่เป็นของแบบเดียวกัน เช่น เป็น apple เหมือนๆ กัน แต่ทำไมเจ้า organic นี่มันราคาแพงกว่าซะด้วยสิ…เรื่องนี้ หลายๆ คนคงพอเดากันออกอยู่แล้วใช่ไหมคะ…เหตุผลก็เพราะว่า เจ้า organic apple นี้เค้าอ้างว่ามันเป็น apple ที่ปลูกและดูแลตามธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีเลย ว่าแต่…ก็เคยลองซื้อมาทานทั้งสองแบบนะคะ รสชาติก็พอๆ กันนั่นแหละ แต่ซื้อความสบายใจมากกว่าค่ะ
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
นอกจากนี้แล้ว มีข้อแนะนำอีกอย่างหนึ่ง คือ เวลาที่เราเลือกซื้อของเพื่อที่จะนำมารับประทานเนี่ย เนื่องจากประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาอยู่ในโซนที่เรียกว่า Temperate Zone (หมายถึง อากาศบริเวณนั้นจะหนาวเย็นกว่าในประเทศไทยซึ่งอยู่ในแถบ Tropical Zone) ดังนั้น อาหารการกิน หรือขนมนมเนยก็จะประกอบด้วยไขมันในปริมาณที่มากกว่า จึงควรต้องระวังให้มาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วสินค้าอุปโภคบริโภคในต่างประเทศนั้นจะถูกบังคับให้ระบุปริมาณแคลอรี่ (Calories) ไว้ที่กล่อง
ฉะนั้น…จึงอยากให้คุณผู้อ่านทุกท่านพิจารณาหรือเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้ก่อนเลือกซื้อนะคะ (โดยเฉพาะในช่องของ Carb. ซึ่งหมายถึงคาร์โบไฮเดรต และ Fat ซึ่งก็คือไขมันนั่นเอง) อย่าลืมนะ…ทำให้ติดเป็นนิสัยเลย ไม่แปลกหรอกค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองในวันข้างหน้า
ท้ายสุดของเบรกนี้…อยากจะแนะนำประโยคให้ไว้สำหรับเพื่อนของนักช็อปตัวยง (ที่อาจจะไม่ได้มือเติบขนาดนั้นก็ว่าได้) เอาไว้ใช้ในยามต้องรอเพื่อนหรือตามเพื่อนไปเลือกของนะคะ (จริงๆ แล้วก็ใช้ได้ทั่วๆ ไปแหละค่ะ เขียนแซวไปงั้นๆ นั่นแหละ) ประโยคที่ว่านี้ก็คือ “Just browsing หรือ Just looking” ในต่างประเทศแล้ว ถ้าเราพูดประโยคแบบนี้กับเจ้าของร้าน หรือ staff ในร้านนั้นๆ แล้ว เขาหรือเธอก็จะปล่อยให้เรามีเวลาเดิน-เลือก-ดูของอย่างสบายใจ ให้เกียรติและสิทธิ์ลูกค้าอย่างเต็มที่ (จะซื้อก็ได้ ไม่ซื้อก็ได้) ไม่มาคอยกดดัน (pressure) เราเลยสักนิด เพราะประโยคทั้งคู่นั้นมีความหมายว่า “ขอฉันดูรอบๆ ก่อนนะ” อะไรทำนองนี้แหละค่ะ
#ชอปปิ้ง #go shopping #ภาษาอังกฤษ